สุขภาพช่องปาก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประวันอย่างไรบ้าง
สุขภาพฟันและสุขภาพช่องปากเป็นหนึ่งในส่วนของร่างกายที่ควรได้รับการดูแลอย่างดี ด้วยการเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาหรือโรคภายในช่องปากและทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากปัญหาสุขภาพภายในช่องปากเป็นสิ่งที่สามารถส่งผลกระทบไปยังร่างกายส่วนอื่น ๆ และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยสามารถแบ่งปัญหาที่ส่งผลกระทบได้เป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก คือ ปัญหาสุขภาพภายในช่องปากที่ส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพ อย่างความมั่นใจในตนเอง โดยเฉพาะการทำงานที่ต้องมีการพูดคุยและเจรจากับลูกค้า การดูแลรักษาสุขภาพฟันและช่องปากอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจขณะพูดคุย ช่วยสร้างความประทับใจแรกกับฝ่ายตรงข้าม รวมไปถึงภาพลักษณ์ที่ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้บุคคลหนึ่งกลายเป็นที่ยอมรับในสังคมได้
ส่วนที่สอง คือ ปัญหาสุขภาพภายในช่องปากที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต อย่างการเข้าถึงบริการทางสุขภาพร่างกายและบริการทางทันตกรรม ที่ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการขึ้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ แต่ปัจจุบันพบว่ามีคนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ด้วยปัญหาค่าใช้จ่าย, อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล, การเดินทาง และการขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบทางสังคม ในส่วนของการไม่สามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาในการเข้าสังคมเนื่องจากขาดความมั่นใจในการพูดคุย และการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง รวมไปถึงการเสียโอกาสในการทำงานที่ต้องใช้ความสามารถในการพูด
วิธีการดูแลรักษาสุขภาพฟันและช่องปากด้วยตนเอง
หลังจากที่ทุกท่านได้รู้แล้วว่า ปัญหาสุขภาพฟันและช่องปากส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้อย่างคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นการหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพฟันและช่องปากด้วยวิธีการง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกคน คือ การแปรงฟันอย่างน้อย 5 นาที 2 ครั้ง/วัน ซึ่งเคล็ดลับของการแปรงฟันให้สะอาดทั่วทั้งช่องปาก อยู่ที่การเลือกใช้ยาสีฟันให้เหมาะสมกับแต่ละคน โดยวิธีการเลือกยาสีฟันให้เหมาะสม สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนประกอบของฟลูออไรด์ ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเคลือบฟันและป้องกันฟันผุ
- สำหรับเด็กอายุ 2-6 ปี ควรเลือกใช้ยาสีฟันสูตรสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เนื่องจากมีส่วนผสมของฟลูออไรด์น้อยกว่ายาสีฟันของผู้ใหญ่
- ควรเลือกยาสีฟันที่มีสารเคลือบฟันในปริมาณน้อย เนื่องจากสารขัดฟันเป็นสารที่มีส่วนช่วยในการกำจัดคราบอาหารและหินปูน หากยาสีฟันมีสารขัดฟันในปริมาณที่สูงจนเกินไปอาจเกิดการทำลายสารเคลือบฟันแทนได้
- ยาสีฟันที่ดีควรมีเนื้อละเอียด ไม่หยาบ และไม่ทำให้เนื้อฟันสึกกร่อน
- หากมีอาการเสียวฟัน ควรเลือกยาสีฟันที่มีสารโพแทสเซียมไนเตรทที่มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการเสียวฟัน และมีปริมาณสารขัดฟันน้อยลง
- หากมีการใช้ยาสีฟันแล้วพบปัญหา ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก เพื่อปรึกษาทันตแพทย์และเลือกสูตรยาสีฟันที่เหมาะกับตนเอง
CSR มีความเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างไร
CSR ย่อมาจาก Corporate social responsibility โดยกิจกรรม CSR คือ การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมที่ไม่แสวงหาผลกำไร ภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี มีการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต โดยการทำกิจกรรม CSR สามารถทำออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมประเด็นสังคม, การทำการตลาดเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม, การทำการตลาดที่เกี่ยวโยงกับประเด็นสังคม, การอาสาช่วยเหลือชุมชน, การบริจาคเพื่อการกุศล, การประกอบธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และการพัฒนาส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการตามกำลังซื้อของคนในฐานราก
ปัจจุบันองค์กรหลายองค์กรเริ่มให้ความสนใจในการทำกิจกรรม CSR มากขึ้น ผ่านการมอบสวัสดิการหรือรางวัลต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่พนักงานในองค์กร รวมทั้งเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้แก่บริษัท จากที่กล่าวไปข้างต้นว่าการดูแลรักษาสุขภาพฟันและช่องปากอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนช่วยในการส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้แก่คนทำงานและพนักงานในองค์กร ปัจจุบันจึงมีบริษัทหลายแห่งที่ทำกิจกรรม CSR ออกมาในรูปแบบของการว่าจ้างรถทันตกรรมเคลื่อนที่ในการตรวจสุขภาพฟันและช่องปากให้แก่พนักงานถึงหน้าบริษัท เพื่อเป็นการจัดการปัญหาและอุปสรรคอย่าง ค่าใช้จ่ายในการทำทันตกรรม, ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง, การอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล, การขาดความรู้ด้านทันตกรรมและการดูแลรักษาสุขภาพฟัน ที่เป็นสาเหตุในการขัดขวางการเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันและช่องปากขั้นพื้นฐาน ซึ่งการว่าจ้างรถทันตกรรมเคลื่อนที่มาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิทันตกรรมให้พนักงานมีสุขภาพฟันและช่องปากที่ดี จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพ สร้างความมั่นใจ สามารถพูดคุยประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ และลดปัญหาความเครียด รวมไปถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ถือเป็นการทำกิจกรรม CSR ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พนักงานในองค์กรได้อย่างยั่งยืน
ขั้นตอนการทำกิจกรรม CSR ด้วยบริการรถทันตกรรมเคลื่อน กับ AT U Dental
การทำกิจกรรม CSR คือ กิจกรรมที่สามารถทำเพื่อคนทุกกลุ่มในสังคมโดยไม่แบ่งแยก ซึ่งบริการทางทันตกรรมอย่างรถทันตกรรมเคลื่อนที่ถือว่าเป็นหนึ่งในบริการที่น่าสนใจ สำหรับบริษัทหรือองค์กรที่กำลังมองหาวิธีการทำกิจกรรม CSR เพื่อสังคมและการเสริมสร้างภาพลักษณ์บริษัท โดยที่ AT U Dental มีบริการให้เช่ารถทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับการตรวจฟันและตรวจสุขภาพช่องปากให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท, นักเรียน, นักศึกษา และชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สามารถเดินทางมาเข้ารับบริการทางทันตกรรมพื้นฐานได้ ซึ่งการเลือกใช้บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ของ AT U Dental เรามีการอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทและองค์กรที่เข้ามาติดต่อขอรับบริการเพื่อให้การใช้บริการมีความสะดวกสบายมากที่สุด โดยขั้นตอนการทำงานของเรา มีดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1 – ติดต่อสาธารณสุขประจำจังหวัดเพื่อตรวจสอบมาตรฐาน: ทีมงาน AT U Dental ทำการติดต่อไปยังสาธารณสุขประจำจังหวัดที่ต้องการนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่เข้าไปให้บริการ เพื่อตรวจสอบมาตรฐาน คุณภาพ ความปลอดภัยของรถทันตกรรมและอุปกรณ์ทางทันตกรรม
- ขั้นตอนที่ 2 – การประชาสัมพันธ์และกระจายข่าว: ทีมงาน AT U Dental ทำการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ สำหรับการให้บริการทางทันตกรรมแก่ประชาชน เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ารับการตรวจฟันสามารถรับรู้ข่าวสาร วัน และเวลาอย่างทั่วถึง
- ขั้นตอนที่ 3 – อุปกรณ์ที่ใช้ในการลงทะเบียนเข้ารับบริการทำฟัน: สำหรับการเข้าใช้บริการทำฟัน ผู้ที่ต้องการเข้ารับบริการสามารถนำบัตรประชาชนมาแสดงยังจุดลงทะเบียน เพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้ารับบริการ
- ขั้นตอนที่ 4 – รายละเอียดขั้นตอนในการเข้ารับบริการ: บริการทางทันตกรรมของเราดำเนินการโดยทันตแพทย์และผู้ช่วยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ที่มีใบประกอบวิชาชีพทันตกรรม โดยเริ่มต้นจากการตรวจฟันและสุขภาพช่องปากอย่างละเอียด จากนั้นจึงมีการอธิบายรายละเอียดของสุขภาพฟันในแต่ละบุคคล ก่อนที่จะเริ่มทำหัตถการต่าง ๆ เช่น การขูดหินปูน และการอุดฟัน
- ขั้นตอนที่ 5 – แบบประเมินหลังเข้ารับบริการ: หลังเสร็จสิ้นการรับบริการทางทันตกรรม ทาง AT U Dental จะมีการแจกแบบสอบถามเพื่อประเมินความพึงพอใจในการเข้ารับบริการของคนไข้ เพื่อรับทราบผลลัพธ์และข้อเสนอแนะในการปรับใช้งานในอนาคต
บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ถือเป็นทางเลือกในการเลือกทำกิจกรรม CSR ด้วยวิธีที่สะดวก ไม่ซับซ้อน แต่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้แก่ผู้เข้ารับบริการทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางทันตกรรมขั้นพื้นฐาน, การส่งเสริมการตรวจฟันและตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ, การช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปาก รวมถึงการประหยัดเวลาในการใช้บริการของพนักงานและบุคคลทั่วไป เนื่องจากบริการจากรถทันตกรรมเคลื่อนที่ใช้เวลา 20-30 นาทีโดยประมาณเท่านั้น สำหรับบริษัทหรือองค์กรที่สนใจการทำกิจกรรม CSR ด้วยบริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ สามารถติดต่อซื้อหรือเช่ารถทันตกรรมได้ที่ AT U Dental ช่องทางการติดต่อ 02-0964435, 098-8488899